วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อนาคตของฉันในอีก 10 ปี ข้างหน้า

        ถ้าพูดถึงอนาคตทุกคนก็คงอยากจะรู้ว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้แต่เราสามารถกำหนดและเลือกทางเดินในอนาคตของตัวเองได้ว่าต้องการจะให้เป็นอย่างไรไปในทางไหน มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเองคนอื่นก็ไม่สามารถกำหนดอนาคตของเราได้ ถ้าเราทำตัวดีตั้งใจเรียนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เราก็จะมีอนาคตที่ดี แต่ถ้าเราไม่สนใจในการเรียนทำให้พ่อแม่เสียใจทุกคนก็คงจะรูว่าการกระทำเช่นนั้นมันจะส่งผลให้ตัวเรามีชีวิตในอนาคตที่ไม่ดีแน่นอน
        และถ้าพูดถึงเรื่องความใฝ่ฝันทุกคนก็คงจะมีความใฝ่ฝันที่อยากจะได้อยากจะมีอยากจะเป็นแน่นอน และฉันอยากช่วยเหลือสัตว์และฉันชอบอยู่กับสัตว์ ซึ่งทำให้ฉันอยากดูแล ตรวจร่างกายของสัตว์ต่างๆ และฉีดยาป้องกันโรคให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูสัตว์ บางครั้งก็ต้องเสียสละเวลา ความเป็นส่วนตัว แรงกาย แรงใจ เพื่อเยียวยารักษาชีวิต เพื่อเฝ้าดูอาการของสัตว์ หากฉันได้เป็นสัตวแพทย์ ฉันคิดว่าฉันจะมีความสุขในการทำงาน ก่อนที่จะได้เป็นนั้นฉันจะต้องขยัน เพื่อที่จะทำให้ฝันเป็นจริง และอีกเหตุผลก็คือ ครอบครัวอยากที่จะให้ฉันเป็น ฉันก็ต้องทำมันให้ได้ เพื่อครอบครัวและเพื่อตัวฉันเองและเวลาที่เห็นสุนัขที่บ้านบาดเจ็บทำให้อยากรักษาด้วยตัวเอง อยากดูแลอย่างใกล้ชิดหรือเวลาเห็นสุนัขตามท้องถนนที่ได้รับบาดเจ็บเราก็อยากที่จะรักษาเอาไว้ เพราะถ้าเราเอาสัตว์จรจัดเหล่านี้ไปร้านก็เสียเงินอย่างมาก ถ้าเรารักษาเองได้คงจะดีไม่น้อย


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทำไมถึงอยากเป็นสัตวแพทย์

        สัตวแพทย์ไม่รวย ถ้าอยากรวยต้องทำอาชีพเสริมอย่างอื่น อยากบอกว่าสัตวแพทย์เหมือนไม่ใช่อาชีพด้วยซ้ำ แต่เป็นหน้าที่ เงินเป็นผลพลอยได้ สำหรับหมอ สิ่งที่ได้รับจริงๆ จึงไม่ใช่เงิน แต่เป็นการยอมรับจากคนที่เห็นว่าเรารักษาสัตว์อย่างจริงจัง จริงใจ ซึ่งต้องใช้เวลาสั่งสมหลายปี หรือเด็กที่เราเห็นอุ้มหมามารักษาตั้งแต่ตัวเล็กๆ จนโตเป็นวัยรุ่น และบอกว่าอยากเป็นสัตวแพทย์ ความที่เรารักษากันมานาน จึงไม่ได้คิดว่าเขาเป็นแค่เจ้าของหมา แต่เหมือนคนคุ้นเคยในครอบครัวไปแล้ว เหมือนมีญาติมากมาย สัตว์ไม่มีการแกล้ง เจ็บก็เจ็บ มันซื่อสัตย์และรักเราเสมอ ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร
        และอาชีพนี้ยังตรวจและวินิจฉัยโรคหรืออาการบาดเจ็บของสัตว์  นอกเหนือจากนั้น สัตวแพทย์ยังมีการบำบัดรักษาป้องกันและการกำจัดโรคโดยการใช้ยา การผ่าตัด การฝังเข็มหรือใช้รังสีในการรักษา  การผ่าซากสัตว์เพื่อการชันสูตรโรคทำการตอนหรือขยายพันธุ์สัตว์ด้วยเทคนิคที่สามารถป้องกันการแพร่หรือการติดต่อของโรคทางการสืบพันธุ์ค้นหาข้อมูลเหตุของโรคระบาดหรือโรคติดต่อพร้อมกับหาทางป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังสัตว์หรือจากสัตว์มาสู่คน รวมถึงการทำงานด้านนิเวศวิทยา สุขศาสตร์การอาหารมาตรฐานอาหารและปนเปื้อนในอาหารที่มีต้นกำเนิดมากจากสัตว์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทำการเพิ่มผลผลิตในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ให้มีประสิทธิภาพและทำการวิจัยและพัฒนาทางด้านสัตวแพทย์
        อาชีพสัตวแพทย์ไม่จำเป็นต้องเปิดคลินิกอย่างเดียว เรายังมีการทำงานที่โรงพยาบาล จะมีลักษณะคล้ายกับโรงพยาบาลของคน คือจะแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆทั้ง หน่วยเวชระเบียน หน่วยเภสัช หน่วยอายุรกรรม หน่วยศัลยกรรมและรังสวิทยา

        วิชาที่นักศึกษาสัตวแพทย์ต้องเรียน 
    1. กลุ่มวิชาพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์  ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ
    2. กลุ่มวิชา preclinicหรือกลุ่มวิชาที่ศึกษาถึงความปกติและผิดปกติของสัตว์ที่จะเป็นพื้นฐานในวิชา clinic  วิชา    พวกนี้เช่น anatomy physiology pathology เป็นต้น
    3. กลุ่มวิชา clinic เป็นวิชาในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการรักษา หรือการแก้ไขความผิดปกติ เช่น วิชาอายุรศาสตร์และ    ศัลยศาสตร์ เป็นต้น
    4.นอกจากนี้ในหลักสูตรยังมีการฝึกงานในด้านต่างๆอีก
    ซึ่งถ้าแบ่งแบบละเอียดๆในแต่ละชั้นปีที่จะต้องเรียนมีดังนี้ 
    
       ชั้นปีที่ 1
    - อังกฤษ 
    - เคมีทั่วไป
    - ฟิสิกส์ทางการแพทย์
    - Lab เคมี และ Lab ฟิสิกส์ 
   
       ชั้นปีที่ 2
  • วิชากายวิภาค  หรือ Anatomy เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างที่มองเห็นด้วยตาเปล่าในสุนัขทดลองที่ดอง ฟอร์มาลิน 
  • วิชา Histology หรือชื่อภาษาไทยว่า จุลกายวิภาควิทยา ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้าง (ที่ตาเปล่ามองไม่เห็น) โดยกล้องจุลทรรศน์ 
  • วิชา Embryology ที่เรียนเกี่ยวกับพัฒนาการของ ตัวอ่อนในท้องแม่
  • วิชาชีวเคมี (Biochem) ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างสารเคมี โปรตีน ไขมัน และตามมาด้วยวิชาหลักสัตวบาล 2 ที่เรียนเกี่ยวกับพันธุ์และการเลี้ยงไก่และหมู  
  • สถิติ (Stat bio sci)
          ชั้นปีที่ 3 
-   Anatomy III biochem III และPhysio 
-  วิชา อาหารสัตว์ ที่เรียนเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารสัตว์ และคำนวณสูตรอาหารในสัตว์แต่ละชนิด
-  วิชาจุลชีววิทยา หรือ Microbiology ที่เรียนเกี่ยวกับเชื้อราและแบคทีเรียต่างๆที่ก่อโรคในสัตว์ 
-  Immunology ที่เรียนเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ชั้นปีที่ 4
- อายุรศาสตร์ตามระบบอวัยวะ หรือ Internal Med เป็นวิชาว่าด้วยหลักการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคตับ 
- วิชาเทคนิคการวินิจฉัยและการรักษาโรคสัตว์ ที่จะพูดถึงการตรวจวินิจฉัยโรคและการรักษาคร่าวๆ ในแต่ละระบบ และแต่ละชนิดสัตว์ 
- วิชาหลักการศัลยศาสตร์และวิสัญญี หรือ surgery จะพูดถึงขั้นการตอน บวกกับวิธีการผ่าตัดเบื้องต้น จนถึงการวางยาสลบในสัตว์ 
- วิชา พิษวิทยา ที่พูดถึงสารที่เป็นพิษ ทั้งจาก ธรรมชาติ จากสารเคมี และจากการรักษา 
- วิชารังสีวิทยาที่จะพูดถึงหลักการของเครื่อง X-Ray และ Ultrasound และการแปลผล 
- เภสัชวิทยา 3 และวิชาพยาธิวิทยาเฉพาะระบบ หรือ Special Path

ชั้นปีที่ 5
-  med สัตว์น้ำที่เรียนทั้งสัตว์เศรษฐกิจและสัตว์สวยงาม med หมู และ med สัตว์ปีก วิชาสูติศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวกับการท้อง ทั้งการตรวจจนถึงคลอด 
-  วิชาทางด้านสัตวแพทย์สารธารณสุข อย่างวิชา สุขศาสตร์อาหาร l หรือ food hygiene ที่เรียนเกี่ยวกับอาหารและโรคติดต่อทางอาหาร (ในคน) รวมถึงการเก็บและแปรรูปอาหารด้วย 

ชั้นปีที่ 6
     ปีนี้เป็นปีที่จะมีการให้เลือกฝึกงาน เป็นปีที่สนุกมากที่เราได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดอย่างเต็มที่ และเป็นการถามตัวเองว่าเราชอบการเป็นสัตวแพทย์จริงๆหรือไม่  โดยแบ่งเป็นฝึกงานทั้งในด้านสัตว์เลี้ยง และฝึกงานด้านปศุสัตว์ ทั้ง 2 เทอมเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง 

อยากเรียนคณะสัตวแพทย์ต้องเตรียมตัวอย่างไร
ก่อนอื่นขอแนะนำ  สถาบันที่ได้รับการรับรองแล้ว 6 สถาบัน โดยกลุ่มนี้จะผ่านการรับรองมีนักศึกษาสำเร็จการศึกษาไปแล้วหลายรุ่น มั่นใจได้ว่าเรียนที่นี่ได้สอบใบประกอบวิชาชีพแน่ ๆ
    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • มหาวิทยาลัยขอนแก่น
    • มหาวิทยาลัยมหิดล
    • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
    และอีกลุ่มคือ สถาบันที่อยู่ระหว่างการดำเนินการรับรองปริญญาฯ ยังไม่เคยมีนักศึกษาจบ โดยทางสัตวแพทย์ นั้นจะเข้าตรวจเยี่ยม ประเมินคุณภาพอยู่เรื่อยๆ โดยส่วนตัว เชื่อว่าท้ายที่สุดน่าจะผ่านทุกสถาบัน ถ้าน้องๆ เกิดสนใจจะสมัครจริงๆ แนะนำให้โทรไปที่ สัตวแพทย์สภา สอบถามถึงความคืบหน้า ของการรับรอง 
    • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
    • มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
    • มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    คุณสมบัติทั่วไป ( รอบแอด)
    - จบการศึกษา ม.ปลาย สายวิทย์-คณิต 
    - กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ไม่น้อยกว่า 22 หน่วยกิต
    -  กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
    -  กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต


    คุณสมบัติทางร่างกาย 

            เป็นผู้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงานและการประกอบวิชาชีพ ดังนี้
    1. มีปัญหาทางจิตเวชรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือ ผู้อื่น เช่น โรคจิต/(Psychotic Disorders) กลุ่มอาการออทิสซึม (Autistic Spectrum) โรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) โรคประสาทรุนแรง (Severe Neurosis Disorders) โรคบุคลิกภาพผิดปกติ (Personality Disorders) โดยเฉพาะ Antisocial Personality Disorders หรือ Borderline Personality Disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่น ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพ
    2. เป็นโรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพ
    3. เป็นโรคไม่ติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพ ดังนี้
    • ลมชักที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ (โรคลมชักที่ไม่มีอาการชักมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี โดยมีการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นโรคลมชักที่ควบคุมได้)
    • โรคหัวใจระดับรุนแรง จนเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพ โรคความดันโลหิตรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดพยาธิสภาพต่ออวัยวะอย่างถาวร
    • ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
    • โรคติดสารเสพติดให้โทษ
    • โรคหรือความพิการอื่น ๆ ซึ่งมิได้ระบุไว้ข้างต้น แต่คณะกรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย เห็นว่า เป็น อุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพ
    4.  มีความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีความผิดปกติอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    • ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง โดยได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว
    • ตาบอดทั้งสองข้าง
    • ระดับการมองเห็นในตาข้างที่ดีหลังจากได้รับการแก้ไขแล้ว แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40 เฉพาะคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์และคณะพยาบาลศาสตร์
    • ไม่สามารถมองเห็นภาพเป็นสามมิติเฉพาะคณะทันตแพทยศาสตร์
    5. มีความผิดปกติในการได้ยิน โดยมีระดับการได้ยินของหูข้างที่ดีกว่าเฉลี่ยที่ความถี่ 500-2000 เฮิรตซ์ สูงกว่า 40 เดซิเบล จากความผิดปกติของประสาทและเซลล์ประสาทการได้ยิน (sensory neural hearing loss)


    การรับสมัครคัดเลือก คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ ระบบ Admissions กลาง
    เกณฑ์คัดเลือก GPAX 20% O-NET 30% GAT 20% PAT2 30%


    ระบบแอดกลางนี่ ถ้าเป็น ม.รัฐสถาบันที่ผ่านการรรับรองแล้วจะเห็นคะแนน  20100 - 20700 
    GPAX  3.6
    O-NET 64 %
    GAT 270
    PAT2  140  

    •  ของ ม.เกษตร ยังมี อีก 2 โครงการหลักคือ โครงการเรียนล่วงหน้า , โครงการทายาทเกษตกร
    • โครงการนักกีฬาของหลายๆมหาวิทยาลัยก็เปิดรับนะคะ คณะสัตวแพทย์แต่รับน้อยมาก
    • จะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นรับตรง ส่วนใหญ่จะกำหนด GPAX ขั้นต่ำไว้ที่ 3.00 ทั้งนั้น
    • ใครจะเข้า เกษตร มหิดล ก็ต้องสอบ วิชาสามัญด้วย
    • โครงการพิเศษ ม.ขอนแก่น ค่าเทอมจะสูงกว่าปกตินะ


    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.unigang.com/Article/27433 
                                  http://www.a-chieve.org/information/detail/10141


     

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น